การเลือกกลิ่นผสมอาหารให้เหมาะกับแต่ละประเภทอาหารถือเป็น หัวใจสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร เพราะกลิ่นมีผลโดยตรงต่อความรู้สึกน่ารับประทาน และสร้างเอกลักษณ์ของสินค้า ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้สอดคล้องกับวัตถุดิบ ลักษณะของอาหาร และกลุ่มผู้บริโภค

หลักการเลือกกลิ่นผสมอาหารให้เหมาะสม
- พิจารณาประเภทของอาหาร
อาหารแต่ละชนิดเหมาะกับกลิ่นที่แตกต่างกัน เช่น อาหารหวานต้องใช้กลิ่นหอมหวาน, อาหารเค็มต้องใช้กลิ่นที่ไม่กลบรสเดิม - คำนึงถึงกระบวนการผลิต
เช่น การอบหรือทอด อาจทำให้กลิ่นจาง ต้องเลือกกลิ่นที่ทนความร้อน - รู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคเป้าหมาย
กลุ่มเด็กอาจชอบกลิ่นผลไม้หวาน ๆ ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่หรือสายสุขภาพอาจชอบกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ
ประเภทอาหาร | กลิ่นที่เหมาะสม | หมายเหตุเพิ่มเติม |
ขนมอบ / เบเกอรี่ | วานิลลา, เนย, ช็อกโกแลต, อัลมอนด์ | วานิลลาช่วยให้กลิ่นหอมละมุน ไม่กลบกลิ่นแป้ง |
ลูกอม / เยลลี่ | สตรอว์เบอร์รี, องุ่น, แอปเปิล, มะม่วง | เลือกกลิ่นให้ตรงกับรสชาติ สี และกลุ่มเป้าหมาย (เช่น เด็ก) |
ไอศกรีม / เครื่องดื่มเย็น | กลิ่นผลไม้, มินต์, กะทิ, มะพร้าว, เมลอน | ควรใช้กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่นหรือหอมละมุน |
อาหารว่าง / ขนมขบเคี้ยว | ชีส, บาร์บีคิว, หัวหอม, สาหร่าย | ใช้กลิ่นเสริมรส เช่น กลิ่นชีสช่วยเน้นรสเค็มมัน |
ขนมไทย | กลิ่นมะลิ, ดอกไม้ไทย, ใบเตย, กะทิ | ควรใช้กลิ่นที่มีกลิ่นไทยดั้งเดิม ไม่แรงเกินไป |
อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก | ควันไม้, กระเทียม, พริกไทย | กลิ่นช่วยเพิ่มความหอมคาวน้อยลง |
ผลิตภัณฑ์นม | กลิ่นนม, ครีม, วานิลลา | ช่วยเสริมรสนุ่มและความหอมในโยเกิร์ต นมถั่วเหลือง ฯลฯ |